เชื่อกันว่าจุดกำเนิดของชาเกิดขึ้นในช่วงประมาณ ปี 2737-2750 ก่อนคริสตกาล
มันเป็นบ่ายธรรมดาวันหนึ่งที่ Shen Nong (หรือ Shen Nung ในบางแหล่งข้อมูล) จักพรรพัดของประเทศจีนในช่วงเวลานั้น ตัดสินใจใช้ยามว่างพักผ่อนหย่อนใจอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ พลางต้มน้ำร้อนดื่มเพื่อขับไล่ความหนาวไปพลาง แต่แล้วจู่ ๆ ลมก็พัดเข้าใส่อย่างรุนแรง จนใบไม้ได้จากต้นเกิดปลิดปลิวร่วงเข้าไปในหม้อต้มน้ำของเขา ต้นไม้ต้นนั้นคือ ‘ต้นชา’ และนั่นคือน้ำชาแก้วแรกของโลก เมื่อพบว่ารสชาติอันแปลกใหม่นี้อร่อยมาก Shen Nong ก็ทดสอบหลายอย่างจนพบว่าใบชามีคุณสมบัติรักษาโรคด้วยอีกต่างหาก
จากวันนั้น ต้องใช้เวลากว่า 3,000 ปี ชาถึงเป็นที่รู้จักและเป็นของดีประจำชาติประเทศจีนในช่วงสมัยของราชวงถัง (ค.ศ. 618-907) แต่ว่าชาถูกส่งออกไปจากแผ่นดินใหญ่ตอนไหนกัน ?
ข้ามเวลามาในปี 1610 ชาวดัตช์เป็นชาวต่างชาติกลุ่มแรกที่ดื่มชาและพาชาเข้าสู่ทวีปยุโรป โดยเรือของบริษัทชื่อ Dutch East India Company ก่อนที่ชาจะเข้าสู่ช่วงสำคัญของประวัติศาสตร์ในปี 1650 มุ่งหน้าสู่หมู่เกาะที่ชื่อว่า ‘อังกฤษ’ และกระจายเข้าวัฒนธรรม Tea Time
ในปี 1657 ชายชื่อ Thomas Garway ชาวบริติชคนแรกผู้เปิดร้านชาอย่างเป็นจริงเป็นจัง และทำให้การดื่มชากลายเป็นที่นิยมมาก ๆ ขึ้นมาหลังจากที่อังกฤษนิยมดื่มกาแฟมาอย่างยาวนาน ไม่เท่านั้น ความไวรัลในวัฒนธรรมยิ่งกระจายออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้น เมื่อเจ้าหญิงกาตารีนาแห่งบรากังซา (Catherine of Braganza) แห่งราชวงศ์โปรตุเกศ คู่อภิเษกสมรสของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 เป็นคนนำเสนอไอเดีย Tea Time ต่อศาลอังกฤษ จนทำให้ช่วงศตวรรษที่ 19 ชากลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตคนอังกฤษยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้
จากชาใบแรกในหม้อของ Shen Nong เจ้าใบสีเขียวเดินทางไปไกลทั่วทุกมุมโลก มีชาที่ถูกปลูกขึ้นในไต้หวัน (Formosa Tea) / ชาจากรัฐอัสสัม (Assam) ของอินเดียที่นำเข้าอังกฤษในปี 1839 และแน่นอนกับชาเขียวมัทฉะที่โด่งดังที่สุดในโลก ที่เกิดจากพระภิกษุชาวญี่ปุ่น Myōan Eisai นำเมล็ดชาชุดแรกจากจีนกลับสู่เกียวโต
นี่คือส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งสำคัญของชา ที่ทำให้กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่สุดชนิดหนึ่งของโลก และเพื่อให้เห็นความสุนทรียะของชาที่มากขึ้น เราจะมาทำความรู้จักชาให้มากขึ้น โดยเริ่มจากประเภทของชากันก่อนเลย
Line : @buyall (มีเครื่องหมาย@ด้วย)
Email : info@panmakapmue.co.th
โทร : 091-1206831